วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว-จังหวัดเพชรบูรณ์

บทความนี้ผมจะพาเพื่อนๆขึ้นเหนือไปชมทะเลหมอกที่เพชรบูรณ์กันบ้างครับ เอ แล้วไปเพชรบูรณ์ เราจะไปตอนไหนได้ถึงจะเห็นทะเลหมอก ปกติเราไปดูทะเลหมอก เราไปฤดูหนาวนะครับ แต่ว่าเดี๋ยวนี้ฤดูหนาวประเทศไทยอย่างมากก็แค่ 2 อาทิตย์ ดีไม่ดี 3 วันก็เลิกหนาวแล้ว ไปเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน หรือไปเหนือเพื่อสัมผัสกับความหนาว ชมทะเลหมอก เก็บลูกสตรอว์เบอร์รี่ แนะนำไปช่วงเดือนมกราคม เดือนกุมภาพันธ์เลยครับ ได้สัมผัสอากาศหนาวเย็น ได้เห็นทะเลหมอก แน่นอนครับ ไปชมวิถีชีวิต ชาวเหนือ ชาวบ้านกันบ้างครับ เพื่อนๆที่เดินทางจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 3-4 ชั่วโมง แนะนำให้ออกเดินทางแต่เช้ามืดนะครับ สักตี 4 เพราะขาออกจากกรุงเทพรถจะได้ไม่ติด และสัก 7-8 โมงเช้า เราจะได้หาอาหารเช้ากิน ระหว่างทาง เดินทางจากกรุงเทพระยะทาง 355 เช็คระยะทางจากกูเกิ้ลแมพนะครับ อาจจะมากกว่านี้ ขึ้นอยู่กับเพื่อนๆ แวะเข้าห้องน้ำแวะ 7/11 แวะร้านอาหารระหว่างทาง

ประวัติความเป็นมา

วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ตั้งอยู่บนเทือกเขาของจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของจังหวัดเพชรบูรณ์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2447 ภายใต้ชื่อว่า “พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว” ต่อมาได้รับการอนุญาตให้จัดตั้งเป็นวัด โดยใช้ชื่ออันเป็นมงคลว่า “วัดพระธาตุผาแก้ว” เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2543 จากคณะกรรมการมหาเถรสมาคม โดยครั้งนั้นมี พระครูปลัด “ปารมี สุรยุทโธ” เป็นเจ้าอาวาท จนปัจจุบันนี้ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2546 วัดพระธาตุผาซ่อนแก้วตั้งอยู่บนเนินเขาในหมู่บ้านทางแดง ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ เมื่อก่อนที่ดินแห่งนี้เป็นของ “คุณภาวิณี” และ “คุณอุไร โชติกุล” ด้วยความที่มีจิตศรัทธาจึงซื้อที่ดินถวาย ในตอนแรกๆนั้นได้ถวายที่ดิน 24 ไร่ ต่อมาก็มีจิตศรัทธาเขาร่วมถวายที่ดินกันเพิ่มอีกจนปัจจุบันทางวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว มีพื้นที่ดินทั้งหมด 91 ไร่ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว เป็นสถานที่ธรรมภูมิที่สวยสดงดงาม มีธรรมชาติเป็นภูเขาสูงใหญ่ ซ้อนกันเป็นทิวเขาเรียงรายล้อมรอบบริเวณศาลาปฏิบัติธรรม และบนยอดเขาสูงตระหง่านนั้น มีถ้ำอยู่บนปลายยอดเขาเหนือฟากฟ้า และลับหายเข้าไปในถ้ำบนยอดผา ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมา และต่างถือเป็นสถานที่อันเป็นมงคล มีความศักดิ์สิทธิ์และเรียกขานตามๆกันมาว่า ผาซ่อนแก้ว

บรรยากาศโดยรวม

วัดพระธาตุผาซ่อนแก้วแห่งนี้ ส่วนตัวแล้วผมและครอบครัวได้เดินทางไปเที่ยวชม สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ 3 ครั้งแล้วด้วยกัน บรรยากาศสวยสดงดงามไม่เปลี่ยน คนเยอะทุกวัน ยิ่งถ้าเป็นปีใหม่ เทศกาล ฤดูท่องเที่ยวด้วยแล้ว ที่จอดรถเต็มทุกที่ แต่จะเดินทางขับรถขึ้นเขาเพื่อไปสักการะถ่ายรูป หรือเดินเที่ยวชม ต้องใช้รถยนต์ที่มีสมรรถนะที่ดี สามารถขับขึ้นเขาลงเขาได้อย่างปลอดภัยนะครับ ยิ่งไปช่วงที่อากาศหนาวเย็น ได้เห็นหมอกที่ยอดเขาด้วยแล้ว สวยกว่าบ้านเรา เพราะในเมืองกรุงมีแต่ควันและฝุ่น ไม่มีหมอกบนยอดเขา ไม่มีอากาศบริสุทธิ์ อากาศสะอาดๆให้เราได้สูดหายใจเข้าไปให้เต็มปอดเหมือนอย่างที่ผาซ่อนแก้ว แนะนำให้มาเที่ยวชมครับ

ค่าใช้จ่ายในการเดินทางครั้งนี้

ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เติมน้ำมันเต็มตอนขาไปเพชรบูรณ์ ถังนึงก็ 1,200 บาท เติมขาไป 4 ครั้ง เกือบๆ 5 พัน ค่ากินอาหารเช้า กลางวัน และมื้อเย็น กินที่รีสอร์ท และเติมน้ำมันขากลับ ถ้าไปกันทั้งครอบครัว 4-6 คน เตรียมเงินค่าน้ำมัน ค่ากิน ค่าที่พัก เตรียมเอาเลยครับ 2หมื่นบาท น่าจะพอสำหรับการเดินทางไปเที่ยวเพชรบูรณ์ ไปเที่ยววัดพระธาตุผาซ่อนแก้วในครั้งนี้ แต่ถ้าไปสถานที่อื่นอีก ค่ากิน ค่าเดินทางก็เพิ่มขึ้นจากนี้อีก แนะนำให้วางแผนการเดินทางแต่ละที่ล่วงหน้าไว้ล่วงหน้าเลยครับ เช่น จุดชมวิวทะเลหมอก ที่อยู่ไมไกลจากวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว หรือเลยไปดูกังหันลม ที่อยู่ไม่ไกลจากวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว วนอยู่แถวนั้นเราสามารถเที่ยวได้ถึง 4 สถานที่เลยทีเดียว ถ้าเราค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวมาก่อนเดินทาง อ่อ อย่าลืมแวะ ฐานอิทธิ ด้วยนะครับ เป็นพิพิธภัณฑ์แสดงอาวุธของทหาร สมัยมีผู้ก่อการร้ายบุกเขาค้อนั่นเองครับ

ความรู้สึกเมื่อได้ไปเที่ยว

แม้ว่าจะไปหลายครั้งแล้ว แต่มีความสุขที่ได้ไปสถานที่เย็นๆ ได้พบเจอกับธรรมชาติ ต้นไม้เขียวๆ ป่าเขียวขจี ให้ความรู้สึกสบายตา และสงบใจ เป็นอย่างมาก ได้ผ่อนคลายจากสิ่งวุ่นวาย ได้พักผ่อนกาย พักผ่อนใจกับธรรมชาติ ให้ธรรมชาติได้บำบัด ร่างกายและจิตใจ เหมาะสำหรับคนที่ทำงานมาหนักๆ ตลอดทั้งปี เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ให้กับร่างกายของเรานั่นเอง

เส้นทางการเดินทาง

• การเดินทางจากกรุงเทพฯ ขับรถจากกรุงเทพฯไปเพชรบูรณ์ ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง ออกแต่เช้า ถึงเพชรบูรณ์ก็ประมาณ 11 โมง อาจจะเที่ยงโดยประมาณ ที่ให้ออกแต่เช้า เพราะกลัวการจราจรติดขัด แค่วิวสองข้างทางระหว่างทาง ต้นไม้ที่เขียวขจี ก็กินขาดแล้วครับ เหมาะมากๆ มีต้นไม้เขียวตลอดเส้นทางการเดินทางที่สะดวกสบายเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ แนะนำให้ไปท่องเที่ยวภาคเหนือ ปีละครั้งสองครั้งครับ เพราะเราได้หลีกหนีจากความวุ่นวาย ได้ทำจิตใจให้สงบ พักกายพักใจ ถนนหนทางก็เดินทางได้สะดวก ถ้าเราไม่มาช่วงเทศกาล รถก็ไม่ติดครับ