Fomo หรือ Jomo แบบไหนที่เป็นคุณ

fomo jomo

คุณเคยได้ยินคำว่า fomo หรือ jomo ไหมค่ะ ซึ่งสองชื่อนี้ไม่ใช่ชื่อคน ชื่อแมว หรือชื่อสิ่งของใดๆแต่เป็นชื่อเรียกของกลุ่มคนสองกลุ่ม ที่ถูกแบ่งตามพฤติกรรมการเสพติดโซเชียลของผู้คนในยุคนี้ ยุคที่เรียกว่ายุคดิจิทัล ซึ่งเราต่างก็รู้กันว่าเป็นยุคของสังคมก้มหน้า ที่ต้องยอมรับว่าสมาร์ทโฟนหรือโทรศัพท์มือถือ ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินชีวิตอย่างเลี่ยงไม่ได้

แต่เอาจริงๆฉันว่าสิ่งที่สำคัญกว่ามือถือก็คืออินเตอร์เน็ต เพราะถ้าไม่มีอินเตอร์เน็ตมือถือก็มีไว้แค่ใช้โทรเข้าโทรออกและไม่สามารถทำอะไรได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อโซเชียลเน็ตเวิร์ค การทำธุรกรรมหรือการติดตามสิ่งบันเทิงต่างๆ ด้วยเหตุนี้ปัจจุบันผู้คนจึงใช้ชีวิตเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา หรือที่เรียกกันว่า hyper connect นั่นคือการที่คนเราต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอด 24 ชั่วโมง โดยยกให้มือถือเป็นเครื่องมือที่สามารถทำได้ทุกอย่างในเครื่องเดียว

ในยุคโซเชียลมีเดียเฟื่องฟูเช่นนี้ผู้คนใช้ชีวิตผูกติดกับมือถือและอินเทอร์เน็ตในทุกๆกิจวัตรของชีวิต ไม่ว่าตั้งแต่ตื่นนอนในตอนเช้าวันใหม่จนไปถึงหลับตานอนในค่ำคืนของวัน พฤติกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นกับทุกคนไม่เว้นแม้แต่ตัวฉันเอง ซึ่งกิจวัตรประจำวันหรือการทำงานที่ต้องอยู่กับการติดต่อสัมพันธ์กับผู้คน อยู่กับการต้องรับรู้ข่าวสารทันเหตุการณ์และต้องทันกระแสเสมอ อีกทั้งยังเป็นงานที่ต้องอยู่กับข้อมูลที่ทันสมัยต่างๆทำให้ฉันกลายเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่ากลุ่ม fomo แต่ในทางกลับกัน เมื่อใดก็ตามที่ชีวิตได้มีวันหยุด ฉันก็พยายามที่จะลดการใช้อินเทอร์เน็ตด้วยการวางมือถือให้ห่างจากตัวและหากิจกรรมอื่นๆทำแทน เพื่อที่อยากให้ตัวเองได้กลายเป็นคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ถูกเรียกว่ากลุ่ม jomo

“เห็นอย่างนี้แล้วคุณจะงงไหมคะว่ากลุ่ม fomo คืออะไรและกลุ่ม jomo คืออะไรวันนี้ฉันจะพามารู้จักกลุ่มคนเหล่านี้กันค่ะ”

fomo คืออะไร

กลุ่ม fomo ย่อมาจาก ( fear of missing out ) คือกลุ่มคนที่เสพติดอินเตอร์เน็ตตลอดเวลา เสพติดโซเชียลกลัวที่จะพลาดการรับรู้บางสิ่งบางอย่างที่กำลังเป็นประเด็น จึงต้องตามติดอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา เพื่อจะได้ไม่ตกเทรนด์และทันกระแส แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรล่ะว่าตัวเราเป็นคนกลุ่ม fomo หรือเปล่า วันนี้ฉันมีวิธีสังเกตุอาการ fomo ด้วยค่ะนั้นคือ

  • เป็นคนติดมือถือและไม่อาจห่างจากมือถือได้เลย ต้องคอยมองหาตลอดเวลา
  • จะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับมือถือเพื่อติดตามข่าวสารจากแฟลตฟอร์มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เฟซบุค อินสตราแกรม ไลน์ หรือแอปช้อปปิ้งต่างๆ
  • ให้สำคัญเกี่ยวกับข่าวสาร เหตุการณ์ต่างๆ ตามติดเทรนด์ต่างๆ ชอบมีส่วนร่วมกับเรื่องราวดราม่าหรือเรื่องราวอื่นๆ
  • เป็นคนที่ตอบแชทเร็วมาก เพราะใจคอยโฟกัสกับสิ่งเหล่านี้ตลอดเวลา อีกทั้งมักจะอัพเดทชีวิตความผ่านโซเชียลตลอดเวลาโดยเฉพาะสตอรี่ในแฟลตฟอร์มต่างๆ
 fomo jomo

“เมื่อฉันอ่านอาการของกลุ่มคนที่เป็น fomo ฉันก็จะเห็นตัวเอง แล้วคุณล่ะคะมีอาการของกลุ่ม fomo เหมือนกับฉันหรือเปล่า”

jomo คืออะไร

ส่วนกลุ่ม jomo ย่อมาจาก ( Joy of Missing Out ) คือกลุ่มคนที่เป็นขั้วตรงข้ามกับ fomo ในขณะที่กลุ่ม fomo กลัวที่จะพลาดจากสิ่งต่างๆ กลุ่ม jomo กลับมีความสุขกับการไม่ยุ่งเกี่ยวและไม่ต้องรับรู้เกี่ยวกับเรื่องต่างๆแทน โดยกลุ่มนี้จะเลือกทำกิจกรรมที่หลีกเลี่ยงการใช้มือถือ จะไม่โฟกัสเรื่องข่าวสาร ไม่สนใจกระแสหรือเทรนด์ใด จะเลือกใช้ชีวิตแนว สโลว์ไลฟ์ และหากิจกรรมที่ชอบหรือสนใจมาทำ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ วาดรูป ปลูกต้นไม้ ออกกำลังกาย โยคะ ฟิตเนตหรือออกเดินทางท่องเที่ยว เป็นต้น สองกลุ่มนี้แม้จะต่างกันสุดขั้วแต่ก็มีข้อดีและข้อเสียในแบบที่ต่างกันออกไป

fomo jomo

ข้อดีของกลุ่ม fomo

คือเป็นคนที่รอบรู้ กว้างไกล เท่าทันตามติดกระแส อินเทรนด์ ได้รับรู้เรื่องราวใหม่ๆอยู่เสมอบางครั้งเรื่องราวเหล่านั้นช่วยสร้างแรงจูงใจ ทำให้อยากทำตาม ผู้คนสามารถเข้าถึงได้ง่าย ติดต่องานสานสัมพันธ์ได้รวดเร็ว แต่หากมากเกินไปหรือนำไปใช้ผิดวิธีก็อาจทำให้เกิดผลเสียตามมาได้ เช่น เกิดความวิตกกังวลว่าจะพลาดจากเรื่องราวต่างๆ เกิดภาวะซึมเศร้าเมื่อเผลอนำตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เกิดความเครียดหากเข้าไปมีส่วนร่วมกับเรื่องราวดราม่า นำเรื่องราวเครียดๆของคนอื่นมาเป็นเรื่องของตัวเอง ปัญหาการนอนหลับ นอนดึกเกินไป หรือนอนไม่หลับ อาจส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพทางกายอื่นๆตามมาอีกด้วย

ข้อดีของกลุ่ม jomo

คือมีความสุข ผ่อนคลาย เหมือนได้ปล่อยวางจากความวุ่นวาย ลดการใช้จอแต่เลือกใช้ใจมากขึ้น ได้มีเวลาทำสิ่งทำสิ่งต่างๆตามที่ใจอยากจะทำ มีสมาธิอยู่กับสิ่งที่ทำและมีกิจกรรมที่หลากหลาย แต่ในทางกลับกันถ้ามากไปก็มีผลเสียเหมือนกัน ฉันมีเพื่อนคนหนึ่งที่เป็นกลุ่ม jomo เราอยู่ห่างไกลกัน การส่งข้อความหรือโทรหากันจึงเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เราติดต่อกันได้ แต่ด้วยความที่เธอเป็นกลุ่ม jomo จึงทำให้ฉันต้องรู้สึกขัดใจในหลายๆครั้งที่เธอไม่รับสายที่โทรไป ไม่ค่อยอ่านแชทหรือตอบแชทช้า ถึงกระนั้นแม้รู้สึกขัดใจแต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเข้าใจ เพราะรู้ว่าเธอเป็นกลุ่ม jomo นี่น่า ส่วนฉันเป็นกลุ่ม fomo เธอก็ต้องเข้าใจเหมือนกัน เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจกันสิถึงจะคบกันได้นาน

fomo jomo

จากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้คุณเคยสังเกตตัวเองไหมคะว่าเป็นคนกลุ่มไหน หรืออยากเป็นคนกลุ่มไหน ฉันเชื่อว่าเราเลือกที่จะเป็นได้ค่ะ ขอแค่เป็นแล้วมีความสุข แต่ไม่ว่าเราจะเป็นกลุ่ม fomo หรือกลุ่ม jomo แม้ทั้งกลุ่มจะเป็นกลุ่มที่ต่างกันสุดขั้วแต่เราก็สามารถเป็นทั้ง 2 กลุ่มอย่าง balance ได้ค่ะ ให้ทุกอย่างเป็นทางสายกลาง แล้วเราจะเป็นคนที่ทันสมัยและมีความสุขกับการใช้ชีวิต แบบนี้คือชีวิตที่ดีที่สุดเลยค่ะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *