เปลี่ยนตัวเองให้มีเสน่ห์ใน 21 วัน ตามเทรนด์ That Girls

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับทฤษฎี 21 วันกันก่อนค่ะ ทฤษฎี 21 วันนั้น เป็นทฤษฎีของดร. แมคเวล มอลท์ (Dr. Maxwell Maltz) เขาเป็นผู้ริเริ่มทฤษฎีนี้ ซึ่งมีชื่อเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า (21-Day Habit Theory) เป็นทฤษฎีของการเปลี่ยนตัวเองโดยการฝึกนิสัยนั้นซ้ำๆ จนครบ 21 วัน สำหรับเขาถือเป็นเวลาที่กำลังดี ไม่มากและไม่น้อยเกินไปในการเปลี่ยนนิสัยต่างๆ แล้วเทรนด์ That Girls ล่ะเป็นอย่างไร เทรนด์ That Girls เป็น เทรนด์ที่กำลังมาแรงมากในหลายแพลตฟอร์มโซเซี่ยลมีเดียโดยเฉพาะติ้กต้อก เป็นแฮชแท็กที่กำลังอินกันอยู่ตอนนี้ นั้นเพราะ That Girls เป็นเทรนด์ของผู้หญิงยุคใหม่ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยมีแนวคิดในการให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองในทุกๆด้าน เพื่อให้เราเป็นผู้หญิงที่สวย ดูดี และมีเสน่ห์ในแบบที่ดีที่สุดของตัวเอง สูตรที่ฉันจะมานำเสนอในวันนี้จึงนำทฤษฎี 21 วันกับเทรนด์ That Girls มาผสมกัน ต้องทำยังไง อยากเปลี่ยนตัวเองกันแล้วใช่ไหม งั้นมาทำตามกันเลยค่า

1. สร้างมอร์นิ้งรูทีน ( Morning Routine ) ตอนเช้าที่ดี

Morning Routine แปลว่า กิจวัตรยามเช้า ที่ช่วยให้เราเริ่มวันอย่างสดใส  ซึ่งแต่ละคนมีกิจวัตรประจำวันที่แตกต่างกันออกไป Morning Routine ถือเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะผู้เชี่ยวชาญมักบอกว่า อารมณ์ที่เกิดยามเช้าจะกำหนดอารมณ์ตลอดทั้งวัน  หากอยากมีเสน่ห์ตามเทรนThat Girls การทำ Morning Routine ยามเช้าของเขาคือการตื่นขึ้นมาทำอะไรก็ได้โดยไม่ใช่การหยิบโทรศัพท์ แต่สนับสนุนให้ทำอย่างอื่นแทน เช่นอาบน้ำ นั่งสมาธิ อ่านหนังสือ ออกกำลังกาย หรือจะทำตามสูตร 5+5+5+5+10 เป็นสูตร 30 นาทีแรกหลังตื่นนอนที่ช่วยให้เรามียามเช้าที่สดใส นั้นคือ 5 นาทีแรกที่ตื่นนอน อย่าพึ่งจับโทรศัพท์ ( อันนี้เป็นนิสัยที่ต้องใช้ความพยายามมากๆ ซึ่งเพื่อนแนะนำมาว่า อย่าวางโทรศัพท์ใกล้ๆกับที่นอน แต่ให้วางให้ไกลจากตัว ) ฝึกการหายใจ โดยหายใจเข้าลึกๆช้าๆพยายามผ่อนคลาย เขียนบันทึกเรื่องราวเพื่อเพิ่มพลังบวกให้กับตัวเอง เขียน to do list นั้นคือการเขียนสิ่งที่ต้องทำในช่วงเช้าของวันนี้ เรื่องนี้ต้องขยายนิดนึงนะคะ อยากจะแชร์สูตรการเขียน to do list ที่ทำอยู่นั้นคือ ให้เขียน 6 สิ่งที่ต้องทำในเช้านี้ หลังจากนั้นก็จัดลำดับความสำคัญของสิ่งนั้น แล้วลงมือทำแต่ละงาน โดยไม่กดดันตัวเองมากนัก งานไหนที่ทำเสร็จก็ขีดว่าทำแล้ว ฉันชอบโมเมนต์นี้มากเลย เวลาที่ได้ขีดงานที่ทำเสร็จแล้ว รู้สึกเหมือนกับว่าได้ทำภารกิจสำเร็จ ส่วนงานไหนที่ยังไม่ทำ ก็อย่าได้คิดมาก แค่เก็บเอาไว้เขียนลง to do list 6 สิ่งที่ต้องทำช่วงบ่ายต่อ วิธีนี้ทำให้เราไม่รู้สึกว่ามีสิ่งที่ต้องทำมากเกินไป ทำให้เราอยากทำสิ่งนั้นๆได้อย่างมีความสุข โดยสูตร 30 นาทีแรกกำหนดให้ทำกิจกรรมเหล่านี้โดยใช้เวลาแค่ 5 นาที รวมเป็น 20 นาที ส่วนอีก 10 นาทีที่เหลือก็ใช้เวลากับครอบครัว และสัตว์เลี้ยง

2. นอนให้พอ

อย่างที่เราต่างรู้กันว่าการนอนให้พอนั้นมีประโยชน์มากมาย เช่น ทำให้ตื่นขึ้นมาด้วยหน้าตาที่สดใส กระปรี้กระเปร่า สมองปลอดโปร่ง ความจำดี และสุขภาพร่างกายแข็งแรง

3. จัดมุมบ้านให้เรียบร้อย เก็บห้องให้เป็นระเบียบ

การจัดระเบียบให้บ้านอาจเป็นงานที่เหนื่อยในตอนแรก แต่เมื่อจัดเสร็จแล้วให้ผลที่ดีต่อตัวเรามากๆ เพราะบ้านที่เป็นระเบียบเรียบร้อย ช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข ทำให้ชีวิตของเราดีขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ เหมือนดั่งที่คุณคนโด มาริเอะได้กล่าวไว้ว่า “ชีวิตดีขึ้นทุกด้านด้วยการจัดบ้านแค่ครั้งเดียว”

4. การออกกำลังกาย ดูแลเรื่องการกิน การแต่งตัวให้เหมาะสมกับตัวเอง

เป็นอีกวิธีหนึ่งที่คนสวยๆมีเสน่ห์เขาทำกัน เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้เรากลายเป็นคนที่สุขภาพดีสวยจากภายใน ทำให้สดใส เปล่งปลั่งจนถึงภายนอก เหมือนดั่งที่หนังสือ เรื่องนี้พี่บอกเธอคนเดียวได้แนะนำไว้ว่า “ให้ทำตัวเหมือนผู้ดี ที่ให้แต่สิ่งที่ดีให้ตัวเอง กินอาหารดีๆแต่งตัวดีๆแล้วสิ่งดีๆเหล่านี้ทำให้เราเป็นเหมือนดั่งเจ้าหญิง”

5. การเล่นโทรศัพท์ให้น้อยลง

จากหนังสือ FUTURE MINDSET ศาสตราจารย์ ดร.นภดลได้เล่าถึงเรื่องการเพิ่ม productivity ความหมายของคำนี้คือการใช้เวลาที่มีอยู่จำกัดสร้างผลงานให้ได้มากที่สุด หลายคนพยายามค้นหาวิธีโดยการอ่านหนังสือหรือเข้าคอร์สเรียน ซึ่งเขาได้บังเอิญค้นพบวิธีเพิ่ม productivity ที่ง่ายแสนง่ายในวันที่ลืมโทรศัพท์มือถือไว้ที่บ้าน ฉะนั้นการันตีได้ว่าการเล่นโทรศัพท์น้อยลงจะทำให้เราได้ทำกิจกรรมอื่นๆได้มากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

6. การดูแลตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นหน้า ผม ผิว หุ่น

ขึ้นชื่อว่าการดูแลตัวเองย่อมเป็นสิ่งที่ดี และทำให้ตัวเราเป็นคนมีเสน่ห์และดูดีขึ้นได้แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการดูแลตัวเองด้วยอาหารที่สดใหม่ สะอาด และมีประโยชน์ พร้อมทั้งเพิ่มเติมด้วยอาหารเสริมต่างๆ การดูแลความสะอาดของใบหน้าร่างกาย ผิว รวมไปถึงผม และหุ่น ดูแลขนาดนี้จะไม่มีเสน่ห์ยังไงไหว

7. การเขียนขอบคุณทุกอย่างในชีวิต

การเขียนขอบคุณหรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Gratitude Journal คือการเขียนขอบคุณสิ่งดีๆ ที่ได้เจอในทุกวัน จะช่วยให้เรากลายเป็นคนที่เห็นคุณค่าของทุกสิ่งรอบๆตัว ช่วยให้เรากลายเป็นคนคิดบวก ซึ่งข้อดีของการเป็นคนคิดบวกคือจะมีแรงดึงดูดที่ดูดแต่สิ่งดีๆเข้ามา อีกทั้งยังดึงดูดผู้คนให้อยากเข้าหาเราด้วย

8. ให้เวลาพักกับตัวเอง

อย่าเป็นคนที่กดดันตัวเองมากนัก ปล่อยให้ตัวเองได้พักบ้าง ให้โอกาสตัวเองได้ทำอะไรที่ชอบและมีความสุขบ้าง เราจะได้เป็นคนที่มีความสุข และคนที่มีความสุขก็มีเสน่ห์มากๆเลยน่า